|
|
|
|
พระอุดมญาณโมลี (หลวงปู่จันทร์ศรี จันททีโป)
(๒๔๕๔ ปัจจุบัน)
วัดโพธิสมภรณ์ อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี |
|
|
|
|
|
นามเดิม |
|
จันทร์ศรี แสนมงคล |
|
|
เกิด |
|
วันอังคารที่ ๑๐ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๕๔ ตรงกับวันแรม ๓ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีกุน |
|
|
บ้านเกิด |
|
ณ บ้านโนนทัน ต.พระลับ อ.เมือง จ.ขอนแก่น |
|
|
บิดามารดา |
|
นายบุญสาร และนางหลุน แสนมงคล |
|
|
บรรพชา |
|
อายุ ๑๔ ปี ที่วัด ศรีจันทร์ จังหวัดขอนแก่น มีพระครูพิศาลอรัญญเขตต์ (จันทร์ เขมิโย) เป็นพระอุปัชฌาย์ |
|
|
|
พระมหาวิเชียร เป็นผู้ให้สรณคมน์ และศีล |
|
อุปสมบท |
|
อายุ ๒๐ ปี วันที่ ๑๓ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๔ วัดศรีจันทร์ จังหวัดขอนแก่น โดยท่านพระครูพิศาลอรัญญเขตต์ |
|
|
|
|
(จันทร์ เขมิโย) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์สิงห์ ขนฺตยาคโม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์มหาปิ่น ปญฺญาพโล เป็นพระอนุสาวนาจารย์ |
|
|
เรื่องราวในชีวิต |
|
เมื่ออุปสมบทได้ ๗ วันได้ติดตามพระอาจารย์เทสก์ เทสรํสี พระอาจารย์ อ่อน ญาณสิริ เดินรุกขมูล |
|
|
|
|
ท่านได้ลาท่านพระอาจารย์เทสก์ เทสรํสี ไปศึกษาพระปริยัติธรรมต่อที่กรุงเทพฯ ท่านได้ให้โอวาทว่า ผู้จะปฎิบัติธุดงควัตรนั้น ความจริงต้องเรียนรู้แผนที่จะเดินทางเสียก่อน จึงปฎิบัติได้ถูกต้อง คือ ปริยัติ ปฎิบัติ ปฎิเวธ เมื่อเรียนได้เป็นมหาเปรียญแล้วให้ กลับมาปฎิบัติอีก
เมื่อวันที่ ๑๕ เมษายน พ.ศ.๒๔๗๕ ก่อนไปศึกษาพระปริยัติธรรมที่กรุงเทพฯ หลวงปู่ได้มาพักที่วัดป่าสาลวัน จังหวัดนครราชสีมา ได้กราบเรียนท่านพระอาจารย์สิงห์ ขนฺตยาคโม ว่าจะไปศึกษาพระปริยัติธรรมที่กรุงเทพฯ ท่านเตือน ว่า จงเรียนให้ได้เป็นมหาเปรียญแล้วกลับมาปฎิบัติอีก แล้วให้พระอาจารย์ปิ่น ปญฺญาพโล ซ้อมพระปาฎิโมกข์ให้ ท่านอยู่ ๗ วัน ท่านรับรองว่าใช้ได้ และท่านให้โอวาทว่า กยิรา เจ กยิรา เถนํ ถ้าจะทำการใด ให้ทำการนั้นจริงๆ ทุกสิ่งทุกอย่างถ้ามีความขยันหมั่นเพียรแล้ว สิ่งนั้นต้องสำเร็จตามความตั้งใจจริง ๆ
พ.ศ.๒๔๗๗ สอบได้นักธรรมเอก ในสนามหลวง สำนักเรียนวัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพฯ
พ.ศ. ๒๔๘๕ สอบได้เปรียญธรรม ๔ ประโยค ในสนามหลวง สำนักเรียนวัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพฯ
พ.ศ.๒๔๙๗ เจ้าคุณสมเด็จสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ วัดบวรนิเวศวิหาร ทรงมีพระบัญชาให้ไปปฏิบัติศาสนกิจ ณ วัดโพธิสมภรณ์ ตำบลหมากแข้ง อำเภอเมือง จังหวัด อุดรธานี เนื่องด้วยพระธรรมเจดีย์ (จูม พนฺธุโล)มีอายุเข้าปูชราแล้ว จนพระธรรมเจดีย์มรณภาพในปี พ.ศ.๒๕๐๕ ท่านได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดโพธิสมภรณ์ สืบต่อจากพระธรรมเจดีย์ จนกระทั้งถึงปัจจุบัน
พ.ศ.๒๔๙๘ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น ที่ พระราชเมธาจารย์
พ.ศ.๒๕๐๕ ได้เลื่อนขึ้นเป็นพระราชาคณะชั้นราชที่ พระเทพเมธาจารย์
พ.ศ.๒๕๑๗ ได้เลื่อนขึ้นเป็นพระราชาคณะชั้นเทพ ที่ พระเทพเมธาจารย์
พ.ศ.๒๕๓๓ ได้เลื่อนขึ้นเป็นพระราชาคณะชั้นธรรม ที่ พระธรรมบัณฑิต
เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๔ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็น พระอุดมญาณโมลี เป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค ๙ (ธ) และเป็นที่ปรึกษากรรมการมหาเถรสมาคม |
|
ปัจจุบัน |
|
พำนักอยู่ที่วัดโพธิสมภรณ์ อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี |
ธรรมโอวาท |
|
|
|
|
...คนดีพวกน้อย แพ้คนชั่วพวกมาก...
...ทำดีไม่ได้ดี เพราะยังทำไม่ถึงดี หรือทำเกินพอดี...
...ที่คนทำดีแล้วมักบ่นว่าไม่ได้ดี เพราะดีนั้น มีโทษ...
...เก่งคนเดียวเหนื่อยกาย เหนื่อยใจ เก่งหลายคน สุขกายสุขใจ คนเก่งต้องมีไว้ คนดีต้องมีพร้อม...
...ความทุกข์ของคนประการหนึ่ง คือต้องการให้คนอื่นเป็นอย่างที่ตนเองคิด ขณะที่ตนก็เป็นอย่างที่คนอื่นอยากให้เป็นไม่ได้...
...คนส่วนใหญ่แสวงหาทรัพย์สินสมบัติ ยศศักดิ์ บริวาร เพื่อสร้างความมั่นคงแก่ชีวิต กระทั่งลืมความมั่นคงของจิตใจ เศรษฐกิจ จิตใจ ต้องเดินไปคู่กัน...
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|